จากกรณีเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 มีไฟป่าเกิดขึ้นได้ไหม้ป่าสนบนอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เริ่มจากบริเวณซำขอนแดง ห่างจากขอบหน้าผาประมาณ 2 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันสกัดไฟ แต่ด้วยสภาพความแห้งแล้งประกอบกับสภาพกระแสลมพัดแรงทำให้เกิดลูกไฟพัดลอยข้ามแนวกันไฟมาตกในพื้นที่บริเวณหลังแป และไฟได้ลุกลามบริเวณกว้าง เจ้าหน้าที่ พร้อมประชาชนจิตอาสากว่า 100 คน ได้ช่วยกันดับจนถึงเวลาตี 2 ของอีกวันไฟป่าจึงสงบ แต่เจ้าหน้าที่ยังนำกำลังเฝ้าระวังการปะทุไฟขึ้นอีก เนื่องจากไฟจากขอนไม้สนยังติดเชื้อไฟอยู่ ทำให้การสูญเสียผืนป่า 3,400 กว่าไร่
ล่าสุดวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 63 นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย นายสมบัติ พิมพ์ประสิทธิ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง หลังร่วมกันประชุมได้มีข้อตกในเรื่องการป้องกันไฟป่าและแนวการการฟื้นฟูป่าบนอุทยานภูกระดึง โดยได้ทำหนังสือถึง กองทัพบกของความอนุเคราะห์นำเครื่องบินขนรถแทรกเตอร์จำนวน 2 คันขึ้นภูกระดึง เพื่อนำไปทำแนวกันไฟ และในส่วนการฟื้นฟูให้เป็นเรื่องของธรรมชาติที่จะฟื้นฟูตัวมันเอง ส่วนที่ห่วงหวั่นน้ำข้างบนไม่พอใช้สำหรับนักท่องเที่ยว
นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมเพลิงไว้หมดแล้ว แต่ที่จะต้องดูแลคือแนวดำ หรือแนวไฟที่ไหม้ไปแล้วอย่าให้เกิดการปะทุขึ้นมาอีก ส่วนในระยะต่อไปควรจะมีเครื่องไม้เครื่องมือมาช่วย เรามีบทเรียนแล้วว่า 24 ชั่วโมงเราใช้แรงงานคนแทบไม่ได้นอนกัน จึงคิดการมีเครื่องจักรใช้เป็นเรื่องสำคัญ โดยได้มีการวางแผนอยากได้แทรกเตอร์ประมาณ 2 คัน นำขึ้นข้างบนและรถปิคอัพอีก 1 คัน เพื่อเวลาลาดตระเวณและส่งกำลังบำรุง และน้ำมันอีก 5,000 ลิตร ทั้งนี้ในเรื่องนี้ทางปลัดกระทรวงมหาดไทยได้แนะนำว่าให้ประสานกับทางกองทัพบก ทางกองทัพบกก็ได้ระบุมาว่า เครื่องพอที่จะทำได้ น่าจะใช้เครื่องบินรุ่น MI 17 โดยทางกองทัพให้ถ่ายรูป เครื่องจักรที่เรามีอยู่พร้อมสเป็คและน้ำหนักไปให้ เพื่อจะไปวิเคราะห์ที่จะนำเครื่องมือที่จะลำเลียงขนขึ้นไปข้างบน เรื่องเหล่านี้เป็นการร้องขอ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นถ้าได้เครื่องมือเหล่านี้ขึ้นไปเจ้าหน้าที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ด้านนายสมบัติ พิมพ์ประสิทธิ์ หัวหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง กล่าวอีกว่า แต่เดิมป่าที่ถูกไฟไหม้ในรอบนี้ แต่เดิมในอดีตเป็นทุ่งหญ้าตอนหลังเรามากั้นไฟทำให้ต้นสนขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่ยังมีขนาดต้นยังเล็ก สรุปความเสียหายครั้งนี้ว่าก็พอสมควร แต่ในอนาคตการฟื้นฟูในความคิดส่วนตัว เราน่าจะให้ทำธรรมชาติดูแลตนเองเราต้องไม่ปลูกเสริมอะไรในพื้นที่ จะให้เกิดเป็นสภาพของทุ่งหญ้าซึ่งทุ่งหญ้าเองมีความสำคัญในเรื่องของสัตว์ป่าที่จะออกมาหากิน ส่วนในเรื่องของสัตว์ป่าที่ได้รับผลกระทบกับไฟฟ่าครั้งนี้ ขณะนี้เรายังไม่ได้เข้าไปสำรวจในพื้นที่ด้านใน เราดูแต่รอบนอกแต่เรายังไม่พบซากสัตว์ป่าแต่อย่างใด แต่ก็คงน่าจะมีบ้างสัตว์ที่วิ่งออกมาทันอาจมีตายบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะออกมาทันเพราะว่ายังมีป่าที่อยู่ข้างๆกัน ในส่วนของนักท่องเที่ยวยังคงเปิดบริการเหมือนเดิม แต่ถ้าไม่ใช้ เสาร์หรืออาทิตย์ก็จะมีนักท่องเที่ยวไม่ถึง 100 คนต่อวัน แต่ขณะนี้ปัญหาในเรื่องของภัยแล้ง น้ำดื่ม น้ำใช้ ด้านบนเริ่มมีปัญหาแล้ว แต่คิดว่าน่าพ้นผ่านฤดูการท่องเที่ยวปีนี้ไปได้