เมื่อวันที่ 27 เมษายน 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพซบุ๊กของ นายรัชนาท วานิชสมบัติ ได้โพส เรื่องของนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้แอบเดินทางเข้าโรงจำนำ เพื่อไปไถ่ถอนของ เครื่องมือช่าง ของชาวบ้าน ที่มีความจำเป็นและเดือดร้อนกับภาวะเศรษฐกิจยุโควิด -19 พร้อมทั้งได้ซื้อข้าวสาร ไข่ไก่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ให้กับชาวบ้านที่มารับของไถ่คืน พร้อมขอกำชับอย่าบอกให้ชาวบ้านว่าใครเป็นคนไถ่ถอนคืนให้ หลังจากโพสลงในเพซบุ๊กทำให้ ผู้คนที่ได้อ่านต่างเข้ามาชื่นชมและแชร์ออกไป
โดยในเพซบุ๊กมีข้อความว่า “สายๆวันนี้พี่จะไปโรงรับจำนำแป๊บนึงนะ” สิ้นประโยคของผู้ว่า ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า คนเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดจะไปโรงรับจำนำทำไม? หรือว่า จะเอาของไปจำนำ ฉะนั้นเพื่อให้คลี่คลายความสงสัย จึงขออนุญาตท่านไปด้วย พอไปถึง ผู้ว่าฯก็ขออนุญาตพบผู้จัดการโรงรับจำนำเทศบาลเมืองเลย ผมนั่งฟังอยู่ห่างๆ จับใจความได้ว่า ผู้ว่าฯจะมาไถ่ของที่จำนำไว้ (โอ้วว คนระดับผู้ว่าฯมาใช้บริการโรงรับจำนำด้วย) นั่งฟังต่อจึงรู้ว่า ผู้ว่าฯมาขอไถ่ของจำนำ ที่เป็นของประชาชนทั่วไป
แต่ไม่ได้ไถ่หมดทั้งโรงรับจำนำนะครับ ผู้ว่าฯเลือกไถ่ของรับจำนำที่เป็นอุปกรณ์ประกอบอาชีพ เช่น สว่านไฟฟ้า หินเจีย และอุปกรณ์ดำรงชีพ เช่น หม้อหุงข้าว ผู้ว่าฯให้เหตุผลว่า มาไถ่คืนให้เจ้าของนั่นแหละ ให้เจ้าของอุปกรณ์เหล่านี้ได้นำไปทำมาหากินได้เลี้ยงชีพต่อไป โดยให้ผู้จัดการโรงรับจำนำช่วยเป็นธุระติดต่อผู้ที่ผู้ว่าฯไถ่ทรัพย์ให้นั้น ให้มารับโดยให้เอาถุงใหญ่ๆมาด้วย เพราะผู้ว่าฯฝากข้าวสาร ไข่ไก่ และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้ด้วย ผู้ว่าฯ ทิ้งท้ายด้วยว่า “ไม่ต้องบอกพี่น้องประชาชนนะว่าใครเป็นคนไถ่ของให้ แต่ให้บอว่า หากจะตอบแทนคนไถ่ของให้ ก็ให้ไปทำประโยชน์ให้กับสังคมแบบไหนก็ได้ที่ถนัด หรือถ้าวันหนึ่งลืมตาอ้าปากได้แล้ว ก็คืนค่าไถ่ของได้โดย โอนเงินเข้าบัญชีโรงพยาบาลเลย สมทบทุนสร้างตึก 10 ชั้นแทน”
ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นายรัชนาท วานิชสมบัติ หรือ ป.เอ็ม เลขานุการของผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ได้เผยว่า ตอนแรกท่านบอกว่าจะไปโรงจำนำ ซึ่งไม่มีในวาระงานของท่านเลย ท่านว่าจะออกไปแป็บเดียวก็กลับมา ยังคิดอยู่ในใจระดับผู้ว่าราชการจะเอาของไปจำนำเหรอ จึงได้ขอติดตามไปด้วย พอไปถึงก็พูดคุยกับผู้จัดการโรงจำนำ ช่วงนี้ชาวบ้านเอาของมาจำนำเยอะมั้ย โดยเฉพาะเครื่องมือหากิน จำพวกสว่านไฟฟ้า เลื่อยไฟฟ้า อุปกรณ์การก่อสร้าง จากการตรวจดูพบมีประมาณ 30-40 รายการ
ซึ่งแต่ละอย่างก็จำนำได้อย่างมากก็ไม่เกิน 1,000 บาท บางตัว 500 บาทก็มี ท่านจึงขอไถ่ถอนให้ชาวบ้านทั้งหมด พร้อมกำชับอย่าไปบอกกับชาวบ้านว่าใครเป็นผู้ไถ่ถอนให้ และยังให้ไปซื้อข้าวสาร มาม่า ไข่ ให้กับคนมารับของ ซึ่งทางผู้จัดการจะแจ้งไปกับผู้มาจำนำของ หลังจากกลับมาท่านยังพูดว่า ชาวบ้านเขาคงเดือดร้อนจริงๆไม่งั้นคงไม่เอาเครื่องไม้เครื่องมือที่ทำมาหากินไปจำนำ ตนเองก็ขอขัดคำสั่งที่ไม่ให้บอกใคร แต่ตนว่าเป็นเรื่องที่ดีจึงอยากจะให้ใครๆได้รับรู้ในเรื่องสิ่งดีๆ