เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ที่อุทยานแห่งชาติกระดึง ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาพักแรมบนยอดภูกระดึง สัมผัสฤดูกาลปลายฝนต้นหนาว ที่พันธุ์พืชบนภูกะดึงที่ยังอุดมสมบูรณ์ ธรรมชาติที่ถูกได้พักฟื้นตัว หลังจากเมื่อได้เกิดไฟป่าไหม้ครั้งใหญ่บนอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ทำให้ได้รับความเสียหายกว่า 3,400 ไร่ เมื่อช่วง เดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ทางอุทยานฯได้มีการประกาศปิดภูกระดึงตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 30 กันยายน 63 ธรรมชาติได้กลับมาฟื้นฟูสวยงามอีกครั้ง เพื่อรอต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นไปเยี่ยมชม โดยปีนี้วันแรกมีนักท่องเที่ยวขึ้นชมกว่า 900 คน พากันไปท่องเที่ยวดูความสดใสของธรรมชาติบนภูกระดึงในวันแรกของการเปิดกาลท่องเที่ยวบนภูกระดึง ซึ่งมีนายชัยธวัช เนียมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย มาทำงานวันแรก เป็นประธานเปิดงาน โดยมีนายณัฐยศ ชัยชนะทรัพย์ ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติ นางสาวธนวัน กาสี ผอ. ททท. สำนักงานเลย ร่วมพิธี
นายสมบัติ พิมพ์ประสิทธิ์ กล่าวว่า อุทยานแห่งชาติภูกระดึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีพื้นที่รับผิดชอบ จำนวน 217,576.25 ไร่ กล่าวคือ เป็นภูเขาหินทรายสูงใหญ่โดดเด่น และมีส่วนยอดตัดเป็นพื้นที่ราบบนยอดเขาอันกว้างใหญ่ มีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม ประกอบด้วยหน้าผา น้ำตก ทุ่งหญ้าป่าสน ไม้ดอกนานาพันธุ์ และสัตว์ป่านานาชนิด จากความสวยงามและความมหัศจรรย์ของภูกระดึง สามารถดึงดูดความสนใจ จากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ให้เดินทางมาท่องเที่ยวภูกระดึง เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงที่มีวันหยุดนักขัตฤกษ์ติดต่อกันหลายวัน จะมีนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยว และพักแรม เป็นจำนวนมาก
ซึ่งในทุก ๆ ปี อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จะเปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึงเป็นเวลา 8 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่เดือน ตุลาคม ถึงเดือน พฤษภาคม และปิดการท่องเที่ยวเป็นเวลา 4 เดือน คือตั้งแต่เดือน มิถุนายน ถึงเดือน กันยายน ของทุกปี แต่สำหรับปีนี้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ประกอบมีไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่ ทางอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จึงปิดการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2563 ถึง 30 กันยายน 2563 เป็นเวลา 6 เดือน
และในวันนี้ ฤดูกาลท่องเที่ยวได้เวียนมาบรรจบครบรอบอีกวาระหนึ่งอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จึงได้ร่วมกับอำเภอภูกระดึง จัดงานพิธีเปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง ประจำปีการท่องเที่ยว 2564 ซึ่งมีวัตถุประสงค์ เพื่อกระตุ้นและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศได้รู้จักกันอย่างแพร่หลาย รวมถึงการต้อนรับนักท่องเที่ยว ทั้งด้านสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่พัก ร้านอาหาร การบริการหาบสัมภาระของลูกหาบ และด้านความปลอดภัย ของนักท่องเที่ยว พร้อมให้ความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อม และความสะอาด โดยขอความร่วมมือจากนักท่องเที่ยวช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการงดใช้โฟมและพลาสติกในเขตอุทยานแห่งชาติ