เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเวลาพลบค่ำของวันที่ 3-4 พ.ค. ที่ผ่านมา ในหลายพื้นที่ในจังหวัดเลย ได้เกิดเหตุพายุฤดูร้อน ถล่มพื้นที่ในหลายหมู่บ้าน ประกอบกับสภาพอากาศนร้อนถึงร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุดประมาณ 41-43 องศาเซลเซียส ทำให้อุณหภูมิบางพื้นที่พายุพัดพร้อมกับลูกเห็บตกมาอย่างหนัก ทำให้หลายพื้นที่ ที่เกิดพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำ เป็นเหตุให้มีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบเสียหาย และต้นไม้ล้นระเนระนาด รวมเสาไฟฟ้าหักโค่น ทำให้ไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่
นายกิตติคุณ บุตรคุณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เผยว่า สถานการณ์การเกิดพายุ ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก ในจังหวัดเลย ติดกันทั้ง 2 วัน ระหว่างช่วงเย็นของวันที่ 3-4 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยวันที่ 3 พ.ค. พายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำ ในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอภูกระดึง อำเภอนาด้วง อำเภอผาขาว อำเภอเมืองเลย อำเภอภูเรือ อำเภอเชียงคาน อำเภอนาแห้ว อำเภอหนองหิน ได้สร้างผลกระทบให้กับประชาชน รวม 8 อำเภอ 14 ตำบล 33 หมู่บ้าน รวม 254 หลังคา โรงเรียน 2 แห่ง วัด 1 แห่ง
ส่วนในวันที่ 4 พ.ค.โดยเฉพาะอำเภอผาขาว 5 ตำบล 27 หมู่บ้าน 214 หลังคาเรือน ส่วนที่ตำบลภูกระดึง อำเภอภูกระดึง , ตำบลหนองงิ้ว ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง และตำบลร่องจิก อำเภอภูเรือ บ้านเรือนได้รับความเสียหายลายหลังคาเรือน ต้นไม้ล้มทับสายไฟฟ้า เสาไฟฟ้าโค่นล้มหลายจุด ส่งผลกระทบกับพายุฤดูร้อนใน 2 วัน รวม 8 อำเภอ 24 ตำบล 63 หมู่บ้าน รวมทั้งหมด 651 ครัวเรือน 1 ชุมชน 3 โรงเรียน และวัดอีก 1 แห่ง โดยทางจังหวัดให้ทางอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งให้ความช่วยเหลือตามระเบียบต่อไป รวมทั้งความเสียหายพื้นที่ทางการเกษตรด้วย
ซึ่งการช่วยเหลือในเบื้องต้นทางจังหวัดได้เชิญสิ่งของพระราชทานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มอบให้แก่ราษฎรที่ประสบวาตภัย ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น และเป็นขวัญกำลังใจ ในส่วนของบ้านเรือนที่ถูกพายุพัดหลังคาปลิวทั้งหลัง ทางมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ได้มอบผ้าใบพระราชทาน สำหรับคลุมหลังคาบ้านเป็นการชั่วคราว ระหว่างรอซ่อมแซมหลังคาบ้านให้แล้วเสร็จ เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนในเบื้องต้น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เข้าช่วยเหลือในเบื้องต้น เช่น ซ่อมแซมระบบไฟฟ้าให้สามารถกลับมาใช้ได้โดยเร็ว รวมถึง ตัดต้นไม้ที่ล้มทับบ้านเรือน และกีดขวางเส้นทางการจราจร พร้อมทั้ง ยังได้ดำเนินการสำรวจความเสียหาย และจัดหาวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องตามระเบียบ กฎหมายของทางราชการ เพื่อให้การช่วยเหลือและซ่อมแซมที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนอย่างเร่งด่วนต่อไป