เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 64 ชาวบ้านติ้วน้อย ต.นาโป่ง อ.เมือง จ.เลย ได้โทรแจ้งศูนย์วิทยุ สภ.เมืองเลย ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ รถกระบะยี่ห้อฟอร์ด แรนเจอร์ สีเทา 4 ประตู หมายเลขทะเบียน กค 1909 เลย จอดขวางถนนกลางป่า ทางไปไร่นา สวนของชาวบ้าน ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นเวลานานเกือบสองเดือน
เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบ พบรถคันดังกล่าว จอดติดหล่มโคลน สภาพรถยังใหม่ ที่ปัดน้ำฝนยังค้างอยู่บนกระจก ภายในรถมีกุญแจเสียบคาอยู่ โดยไม่ได้ล็อคประตู ในรถพบใบเสร็จค่าน้ำประปาวางอยู่บนคอนโซล คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของรถ จากการสอบถามชาวบ้าน พบว่า รถคันนี้มาจอดตั้งแต่ประมาณเกือบสองเดือนที่แล้ว ยังเป็นช่วงหน้าฝน แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ หรือเคลื่อนย้าย เพราะกลัวว่าอาจเป็นรถเกี่ยวกับขบวนการทำผิดกฏหมาย รถที่จอดขวางทางอยู่ ทำให้ชาวบ้านที่สัญจรผ่านไปไร่นา บรรทุกยางพาราหรือขนสินค้าการเกษตรออกไปขาย ต้องขับรถหลบเลี่ยง ออกไปอีกทางซึ่งระยะทางไกลกว่า
ด้าน ส.อ.ภิญโญ อนุศรี ชาวบ้านที่เห็นอยู่บริเวณนั้นในวันเกิดเหตุ เล่าว่า เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2564 ตนได้ขับรถจักรยานยนต์มาที่สวนยาง ซึ่งวันนั้นฝนตกหนัก ช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. เห็นรถยนต์คันนี้ขับเข้ามาด้วยความเร็วสูง เหมือนจะหลบหนีอะไรมา ทั้งๆที่เป็นทางดิน เต็มไปด้วยโคลน และลื่นมาก ขณะที่อยู่ในสวน สักพักก็ได้ยินเสียงรถยนต์เร่งเครื่องติดหล่มโคลน ขณะที่ตนขับรถจักรยานยนต์กลับบ้าน ก็เห็นชายอายุประมาณ 30 ปี สักลายที่ขา คาดว่าจะเป็นคนขับรถกระบะคันที่ติดหล่ม เดินเข้าไปทางหมู่บ้าน ตนก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะคิดว่าชายคนนี้จะไปหาคนมาช่วยลากรถ จนกระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 2 เดือน ตนจึงได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและกำนัน ผู้ใหญ่บ้านให้เข้ามาตรวจสอบ
จากการตรวจสอบไม่พบสิ่งผิดกฏหมายแต่อย่างใด พบว่าชื่อเจ้าของรถกับชื่อที่อยู่ในใบเสร็จค่าน้ำประปาที่อยู่ในรถ และคาดว่าเป็นคนเดียวกัน เป็นลูกชายของข้าราชการระดับหัวหน้าหน่วยงานหนึ่งในจังหวัดเลย เจ้าหน้าที่จึงอยากให้เจ้าหน้าที่นำรถไปเก็บไว้ที่สถานที่ตำรวจก่อน ชาวบ้านจะได้ใช้ถนนได้สะดวกเหมือนเดิม พร้อมจะสืบสวนสอบสวนหาเจ้าของรถและสาเหตุจอดรถทิ้งต่อไป