เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางบังอร (นามสมมุติ) ได้ร้องสื่อว่า ขณะตนได้ติดคุกคดียาเสพติด ได้ฝากลูกๆไว้กับพี่สาวและพี่เขย พอออกคุกมา พบลูกสาววัย 14 ถูก สามีพี่สาว หรือลุงเขยข่มขืนลูกสาวนานนับปี เข้าแจ้งความกับ สภ.เชียงคาน จ.เลย ขอให้สื่อเร่งให้ตำรวจดำเนินคดีกับพี่เขยตัวแสบ หลังเรื่องแตกได้หลบหนีไปต่างจังหวัด พร้อมกับพาสื่อดูหลักฐาน ห้องนอนลูกสาวพบคาบอสุจิเต็มที่นอนลูกสาว
นางบังอร (นามสมมุติ) แม่ผู้เสียหาย เผยว่า ตนได้พึงออกจากคุก ในข้อหามียาเสพติดในครอบครอง ซึ่งได้ติดพ่วงไปกับเพื่อน ไม่ทราบว่าเพื่อนมียาเสพติด ศาลได้ลงโทษจำคุก 1 ปีกับ 6 เดือน ขณะที่ตนติดคุกได้ฝากลูกของตน มี 3 คน คนโตเป็นชายอายุ 21 ปี ปัจุบันติดทหาร เป็นทหารเกณฑ์ คนกลางเป็นลูกสาว ขณะนี้อายุ 15 ปี กำลังเรียนอยู่ กศน. และลูกชายคนเล็ก อายุ 5 ปี ส่วนสามีได้เลิกลา แยกทางกันแล้วกว่า 3 ปี ลูกๆอยู่กับตน ในขณะที่ตนต้องโทษ ได้ฝากลูกๆไว้กับพี่สาวและพี่เขยดูแล ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กัน
ต่อมาในช่วงต้นเดือน พฤศจิกายน ตนได้พ้นโทษมา และกลับมาอยู่กับลูกๆ จนกระทั้งวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา ในช่วงประมาณ 5 ทุ่ม ตนกลับจากธุระกับเพื่อนมาถึงบ้าน พบว่า ประตูห้องลูกสาวเปิดไว้อย่างผิดสังเกต จึงเข้าไปดูลูกสาว กับพบโทรศัพย์พี่เขยของตน อายุ 54 ปี วางอยู่ที่นอนอยู่ในห้องลูกสาว คิดว่าพี่เขยเห็นตน ได้วิ่งหนีออกจากห้องลูกสาวไป ตนจึงเรียกเพื่อนบ้าน ช่วยกันตามพี่เขย และได้เจอพี่เขยจึงได้สอบถาม พี่เขยคาดคั้นอยู่นานจึงได้สารภาพออกมาว่า ได้ข่มขืนหลานจริง
หลังจากนั้น ตนก็พาลูกสาวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเชียงคาน แพทย์ระบุว่า ลูกสาวถูกกระทำชำเราจริงแต่ไม่ใช่ครั้งเดียว ตนจึงได้ไปแจ้งความกับตำรวจให้มาจับกุมพี่เขย ซึ่งตำรวจก็บอกว่าให้ใจเย็นๆ ตนได้สอบถามเค้นจากลูกสาว จนยอมรับว่า ถูกพี่เขยของตนข่มขืนกระทำชำเรามาแล้วหลายครั้ง นับตั้งแต่ตนติดคุกได้ 1 เดือน ตั้งแต่ลูกสาวยังเป็นด.ญ.อายุ 14 ปี หลังจากที่แจ้งความกับตำรวจแล้ว ตนก็พาลูกทั้งสองคนหนีไปอยู่ที่บ้านน้องชายที่ตำบลนาซ่าว อ.เชียงคาน เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะพี่เขยได้ข่มขู่จะเอาชีวิตลูกๆพร้อมกับตน หากแจ้งความ ตอนนี้ยังไม่กล้ากลับไปอยู่บ้าน เพราะกลัวมาก พี่เขยมีอาชีพเก็บของเก่าขาย เป็นคนอารมณ์ร้าย มักเสพยาบ้าเป็นประจำ จึงอยากให้ทางตำรวจช่วยเร่งดำเนินการเรื่องนี้ด้วย
ด้านลูกสาว ได้เปิดเผยว่า หลังจากที่แม่ติดคุกได้ 1 เดือน ตนอยู่บ้านกับน้องชาย มีป้าคอยดูแลเลี้ยงดู และมีอยู่วันหนึ่งลุง หรือสามีของป้า พี่สาวแม่ ได้เข้ามาที่ห้องและได้ข่มขืน หลังจากนั้นลุงก็ได้ข่มขู่ให้ร่วมหลับนอนด้วยตลอด หากไม่ยอมทำตาม ก็จะฆ่าให้ตาย ตนจึงต้องยอมมาโดยตลอด เพราะกลัว และเป็นห่วงน้องชายด้วย ครั้งสุดท้ายแม่ไม่อยู่ได้แอบมาหาที่ห้อง ก่อนที่แม่จะมาทราบเรื่อง และลุงจะบังคับให้ตนเสพยาบ้าด้วยตลอด ด้วยความกลัว ตนจึงต้องยอมทำตาม
ผู้สื่อข่าวรายอีกว่า ป้าหรือเมียผู้ก่อเหตุ เผยอีกว่า ตนได้สอบถาม ทั้งสองคือลุงและหลาน ก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไร และเหตุการณ์ที่เชื่อมโยงก็คือ มีโทรศัพท์ของคุณลุงไปอยู่ตรงนั้นแต่คุณลุงไม่อยู่ เรื่องที่เกิดให้เป็นไปตามกฏหมายทุกอย่าง หากคุณลุงกระทำผิดก็ให้รับผิดไป จากนี้หากตำรวจมีการเรียกตัวก็จะนำลุงไปหาตำรวจ ที่ สภ. เชียงคาน ตอนนี้ลุงไปพักผ่อนอยู่ที่จังหวัดชัยภูมิ โดยคุณลุงบอกว่าจะให้ตัวคุณป้าเองนำไปมอบตัว หรือหากตำรวจออกหมายเรียกหรือต้องการพบตัวและจะให้ไปตรวจ DNA หากผลของ DNA ออกมาเป็นอย่างไรก็จะว่ากันไปอย่างไร่ ตนนั้นก็ยอมรับ
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงคาน ได้พาผู้เสียหายเดินทางไปที่สำนักงานอัยการจังหวัดเลย เพื่อร่วมกับสหวิชาชีพ โดยมีแม่เดินทางมาด้วย สอบสวนในเชิงอรรถคดีตามกฎหมายต่อไป