เมื่อวันที่ 12 มกราคม 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีป.ป.ช. ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา นายฉลาม หงษ์ทอง สมัยเป็นนายก อบต.จอมศรี อ.เชียงคาน จ.เลย ได้เรียกรับเงินจาก จนท.ที่โอนย้ายมารับราชการ และวันที่ 24 สิงหาคม 2564 ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 4 ได้พิพากษาลงโทษ จำคุก 5 กระทง 25 ปี โดยไม่รอลงอาญา ต่อมาเมื่อวันที่ 28 พ.ย. 64 นายฉลาม หงษ์ทอง ได้มารับสมัครเป็น นายกองค์การบริหารส่วนตำบลจอมศรีอีกครั้ง ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกอีกสมัย และทาง กกต. ได้รับรองเป็นนายก พร้อมกับได้เปิดประชุมสภา อบต.และได้แถลงนโยบายไปแล้ว ได้สร้างความสงสัยให้กับประชาชน ทำไมถูกศาลสั่งจำคุกคดีทุจริต กกต.ยังคงให้การรับสมัครและยังให้การรับรอง
นายสุทธิชัย บุญเรือง ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเลย เผยว่า จากกรณีของนายฉลาม หงส์ทอง ถูกศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 4 ได้พิพากษามีความผิดตามมาตรา 149 การกระทำเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ไปตามมาตรา 91 จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 5 กระทง เป็นจำคุก 25 ปี ไปแล้วนั้น ซึ่งขั้นตอนยังอยู่ศาลชั้นต้น คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลยหรือนายฉลาม หงษ์ทอง ยังคงมีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้ได้ และคาดว่าอยู่ในขั้นการอุทธรณ์
ดังนั้นทางกฎหมาย จำเลยยังถือว่ายังคงเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ และยังไม่ผิดระเบียบ หรือ พรบ.การเลือกตั้งแต่อย่างใด แต่หากศาลสูงยังยืนโทษเหมือนศาลชั้นต้น ทาง กกต.คงได้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่ขณะนี้ นายฉลาม หงส์ทอง ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ สามารถบริหารและเป็นนายกต่อไปได้
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือประหารชีวิต
